Monday, December 11, 2006

ท่องเที่ยวสัตหีบ ชมเรือจักรีนฤเบศร

ความเป็นมา ของเรือลำนี้สืบเนื่องมาเมื่อปี พ.ศ 2532 ได้เกิดพายุไต้ฝุ่ยเกย์ ขึ้นในอ่าวไทยจากเหตุ การณ์ในครั้งนั้นทำให้ประชาชนและชาวประมงที่ประสบเหตุหรือผู้ที่อยู่อาศัยใกล้พื้นที่ต้องบาดเจ็บล้ม ตายเป็นจำนวนมากทั้งในด้านต่างๆอันได้แก่ การคมนาคม การสื่อสาร ต้องถูกตัดขาดลงอย่างสิ้นเชิง กองทัพเรือในฐานะหน่วยกำลังทางทะเล ได้ใช้ความสามารถต่างๆอาทิเช่นกองกำลังทางทะเล และ เครื่องบิน ถึงกระนั้นยังไม่สามารถต้านทานต่อสภาพเลวร้ายทางทะเลในครั้งนั้นได้ และนี่คือแนวคิดใน การจัดหาเรือขนาดใหญ่พร้อมเฮลิคอปเตอร์หรือ อากาศยานที่มีลักษณะเด่นเพื่อใช้ในการช่วยเหลือ และค้นหาผู้ประสบภัยทางทะเลได้ดี อีกทั้งประเทศไทยเราประกาศเขตเศรษฐกิจจำเพาะออกไปอีก 200 ไมล์ทะเล ดังนั้นยังมีภารกิจอีกอย่างคือ ปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอีกทางหนึ่งด้วย
อนุมัติสร้าง คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2535 อนุมัติให้กองทัพเรือว่าจ้างสร้างเรือ บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาลจำนวน 1 ลำจากบริษัทบาซาน ประเทศสเปนวงเงิน ประมาณ 7,100 ล้านบาท และในวันพิธีปล่อยเรือลงน้ำ นั้นนับเป็นมหามงคลต่อกองทัพเรือที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงกรุณาเสด็จเป็นองค์ประธาน สมเด็จพระราชินีโซเฟีย แห่ง ประเทศสเปนทรงเสด็จร่วมในพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ที่อู่บาซาน เมืองเฟโรล ในวันที่ 20 มกราคม 2539


ภารกิจของ ร.ล จักรีนฤเบศร ในยามสงบ อันได้แก่คอยปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติในทะเลได้แก่เส้นทางคมนาคม และทรัพยากรธรรมชาติ ของชาติ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเลสามารถค้นหาและเป็นฐานปฎิบัติการณ์ลอยน้ำให้กับหน่วยงานต่างๆได้ และยังสามารถเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่คอยช่วยเหลือในกรณีประสบภัยอีกด้วย อีกทั้งสามารถอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ด้วย เฮลิคอปเตอร์ประจำเรือและ คอยควบคุมรักษาสิ่งแวดล้อมในทะเล ส่วนในยามสงคราม เรือจักรีนฤเบศร ก็จะมีหน้าที่ควบคุมและบัญชาการกองเรือในทะเล และปราบเรือดำน้ำและสนับสนุนการปฎิบัติการทางทหารอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปของเรือ ความยาวตลอดลำ 182.6 เมตรหรือประมาณสนามฟุตบอล 2 สนามต่อกัน กินน้ำลึกที่ระวางขับน้ำสูงสุด 6.12 เมตรหรือ สูงเท่าสะพานลอยคนข้าม ระวางขับน้ำสูงสุด 11,485.5 เมตริกตันเครื่องยนต์ดีเซล MTU จำนวน 2 เครื่องๆละ 5,516 แรงม้าเครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบน์ 2 เครื่องๆละ 22,117 แรงม้า ความเร็วสูงสุดที่ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมงความเร็วเดินทาง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอากาศยานประจำเรืออันได้แก่ เครื่องบิน ขึ้น-ลง แนวดิ่ง แบบ AV-8S ( SEA HARRIER ) จำนวน 9 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์แบบ S-70B-7 ( SEA HAWK ) จำนวน 6 เครื่อง กำลังพลประจำเรือ 601 นาย
คำแนะนำ ในการเยี่ยมชมเรือจักรีนฤเบศร ท่านสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างๆได้ที่ เบอร์โทร. 02_4661180 ต่อ 065-1371 หากท่านมาเป็นหมู่คณะติดต่อเยี่ยมชมไว้ล่วงหน้าจะ ได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ และเราจะได้ทราบล่วงหน้าด้วยว่าทางเรือจักรีจะสะดวก ให้เข้าชมหรือไม่เนื่องจาก อาจมีภารกิจช่วยเหลือหรือ กำลังอยู่ในช่วงของการฝึกของกองเรือหรือไม่ ปัจจุบันเรือจักรีนฤเบศร ได้จอดให้ประชาชนและผู้ที่สนใจทั่วไปเข้าเยี่ยมชมอยู่ที่ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ หรือที่เรียกกันว่า " ท่าเรือจุกเสม็ด " ใกล้ๆแค่นี้เอง และยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.navy.mi.th/cvh911

Saturday, December 2, 2006

พิเศษ : เหตุการณ์ระเบิดที่กรุงลอนดอน

ในช่วงเวลาเร่งด่วนตอนเช้าของวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 เกิดการระเบิดขึ้นสี่ครั้งต่อเนื่อง ที่กรุงลอนดอน ในอังกฤษ สหราชอาณาจักร รถไฟใต้ดินสามขบวนถูกวางระเบิดภายในช่วงเวลาครึ่งชั่วโมง จากนั้นอีกครึ่งชั่วโมงรถเมล์สองชั้นอีกหนึ่งคันก็ถูกระเบิด ได้รับการยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิต 56 ศพ และผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 700 คน เนื่องมาจากการก่อการร้ายนี้ ตัวเลขดังกล่าวคาดว่าน่าจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อทางการได้ตรวจสอบผลอย่างละเอียด เหตุการณ์นี้ทำให้มีการสั่งปิดระบบรถไฟใต้ดินของลอนดอน และระบบรถประจำทาง รวมไปถึงถนนอีกหลายสายใกล้กับกับสถานีที่เกิดเหตุ
เหตุระเบิดคราวนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับ เหตุการณ์ระเบิดรถไฟที่มาดริด ประเทศสเปน
เหตุก่อการร้ายนี้ เป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่การวางระเบิดเที่ยวบินแพนแอมที่ 103 เหนือเมืองล็อคเกอร์บี ในปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988)
ช่วงเวลาเกิดเหตุเวลาทั้งหมดเป็นเวลาฤดูร้อนท้องถิ่นของอังกฤษ (British Summer Time - UTC +1)
08:51 — เกิดระเบิดครั้งแรกขึ้นที่ รถไฟใต้ดินที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง สถานีรถไฟถนนลิเวอร์พูล (เป็นย่านสำนักงานและธุรกิจใหญ่ของเมือง) และ สถานีรถไฟอัลด์เกท (Aldgate tube stations) ของรถไฟสายเซอร์เคิล (Circle Line) 08:56 — เกิดระเบิดขึ้นบนรถไฟ ที่เคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง สถานีคิงส์ครอส (King's Cross Station) (หนึ่งในสถานีใหญ่ของเมือง รถไฟที่จะไปทางเหนือของประเทศทุกสายจะจอดที่สถานีนี้) และสถานีรัสเซลสแควร์ (Russell Square Station) ของรถไฟสายพิคคาดิลลี่ (Piccadilly Line) 09:17 — ระเบิดครั้งที่สามเกิดขึ้นบนรถไฟที่กำลังแล่น เข้าสถานีถนนเอดจ์แวร์ (Edgware Road Station) 09:47 — เกิดระเบิดบนรถประจำทางสองชั้น สาย 30 ขณะแล่นอยู่บริเวณ อัปเปอร์ โวเบิร์น เพลส (Upper Woburn Place) ใกล้กับสถานีเทวิสต็อกสแควร์ (Tavistock Square) ซึ่งถูกทำลายโดยแรงระเบิด 10:02 — ตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด ประกาศออกมาว่าเป็น เหตุการณ์รุนแรง (Major Incident) 11:08 — รถเมล์ทุกสายในลอนดอนหยุดวิ่ง เพื่อป้องกันเกิดอุบัติเหตุ 11:15 — ฟรานโก้ แฟรตตินี่ (Franco Frattini) เลขาของอียู ประกาศออกข่าวว่าเป็น "การโจมตีของผู้ก่อการร้าย" 11:35 — ตำรวจลอนดอน บอกกับนักข่าวว่า ค้นพบหลักฐานของซากระเบิดในหนึ่งในสถานที่เกิดเหตุ 12:00 — นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร โทนี่ แบลร์ กล่าววถึงการกระทำอัน"ป่าเถื่อน" ในขณะเดียวกันกับที่เวลาที่มีการประชุมจีแปด (G8) จัดขึ้น และพร้อมจะบินกลับกรุงลอนดอนทันที 14:38 — รัฐบาลอังกฤษออกข่าว ว่ามีผู้เสียชีวิต 40 คน และ บาดเจ็ดอย่างน้อย 300 คน 16:25 — ตำรวจอังกฤษออกเบอร์ฮอตไลน์แก่ประชาชนที่ต้องการ ตรวจสอบรายชื่อผู้บาดเจ็ด และผู้เสียชีวิตที่เบอร์ +44(0)870 1566 344 17:43 — นายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์ ประกาศจะไม่ยอมต่อการก่อการร้าย
หลักฐานรับผิดชอบ่ในช่วงเวลา 12:10 วันที่ 7 กรกฎาคม สำนักงานข่าวบีบีซีรายงานว่า เว็บไซต์ของอัลเคด้า มีข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิด โดยเขียนเป็นภาษาอาหรับประมาณหนึ่งหน้ากระดาษ บทหน้ากระดานข่าวจากเว็บไซต์ al-Qal3ah [1] (แปลว่า ปราสาท) โดยประกาศเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ อังกฤษได้รุกรานประเทศอิรักและ ประเทศอัฟกานิสถานในปี พ.ศ. 2546 และได้กล่าวอ้างอิงถึง ประเทศเดนมาร์ก และประเทศอิตาลี ให้ถอนกำลังทหาร อย่างไรก็ตามนักข่าวจากประเทศซาอุดิอารเบียในกรุงลอนดอน กล่าวว่า จดหมายที่เขียนไว้มีการใช้คำสะกดผิด และใช้ไวยกรณ์ที่ไม่ถูกต้อง
เหตุระเบิดคราวนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับ เหตุการณ์ระเบิดรถไฟที่มาดริด ประเทศสเปน ซึ่งเป็นลักษณะการโจมตีของ อัลเคด้า โดยมีลักษณะดังต่อไปนี้
ระเบิดถูกจุดต่อเนื่องในเวลาใกล้เคียงกัน ไม่มีการเตือนแจ้ง หรือข่มขู่ล่วงหน้า ระเบิดเกิดในช่วงเช้า ระเบิดเกิดขึ้นในบริเวณศูนย์กลางชุมชน
คำแปล จากข้อความในข่าว

พิเศษ : ลอนดอนอันเดอร์กราวด์

ลอนดอนอันเดอร์กราวน์ด (London Underground) เป็นระบบขนส่งมวลชนของกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ตัวระบบใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก มีทั้งรถไฟบนดินและรถไฟใต้ดินอยู่ภายในสายเดียวกัน. ลอนดอนอันเดอร์กราวน์ดเป็นระบบรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลกระบบหนึ่ง เริ่มเปิดใช้เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) โดยสายแรกคือ สายเซอเคิล (Circle Line - สายวงกลม) วิ่งรอบโซน 1 ชั้นในของเมือง และ สายแฮมเมอร์สมิทแอนด์ซิตี้ (Hammersmith & City Line) วิ่งพาดจากด้านตะวันตกเฉียงใต้ไปยังด้านตะวันออกของเมือง. ในปัจจุบันมีทั้งหมด 274 สถานี และมีระยะทางรวมประมาณ 406 กิโลเมตร (253 ไมล์) มีผู้โดยสารในปี พ.ศ. 2547-2548 ประมาณ 976 ล้านคน หรือเฉลี่ย 2.67 ล้านคนต่อวัน
ลอนดอนอันเดอร์กราวน์ด (London Underground) บางครั้งจะเรียกว่า เดอะอันเดอร์กราวน์ด (The Underground) หรือ เดอะทิวบ์ (The Tube - ท่อ) ตามลักษณะของอุโมงค์รถไฟใต้ดิน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา ลอนดอนอันเดอร์กราวน์ดได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Transport for London (TfL) ซึ่งดำเนินการเดินรถเมล์ด้วย

สหราชอาณาจักร ตอน ลอนดอน

Get it from CNET Download.com! แนะนำโปรแกรม โปรแกรม 3D Canvas โหลดเลย
เข้าเลยน่ะ
ลอนดอน (อังกฤษ: London) เป็นเมืองหลวงของแคว้นอังกฤษ และสหราชอาณาจักร และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป [1]
ลอนดอนเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญทางธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรมของโลก เป็นผู้นำด้านการเงิน[2] การเมือง การสื่อสาร การบันเทิง แฟชั่น และศิลปะ และเป็นที่ยอมรับว่ามีอิทธิพลไปทั่วโลก ถือกันว่าเป็นเมืองสากลหลักของโลก จีดีพีของลอนดอน คิดเป็น 19.5% ของสหราชอาณาจักร
ลอนดอนมีประชาการประมาณ 7.5 ล้านคน (เมื่อ พ.ศ. 2549) และประมาณ 12 - 14 ล้านคนถ้ารวมเขตปริมณฑล ลอนดอนเป็นเมืองที่ประกอบด้วยหลายชนชาติอย่างมาก ประชากรมีความหลากหลายทั้งด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และภาษา ซึ่งประมาณว่ามีมากกว่า 300 ภาษา[3] เราเรียกชาวลอนดอนว่า ลอนดอนเนอร์
ลอนดอนเป็นศูนย์กลางการเดินทางนานาชาติ และเป็นจุดหมายท่องเที่ยวสำคัญ

สหราชอาณาจักร ตอน ภูมิศาสตร์

ภูมิศาสตร์
แคว้นอังกฤษนั้นส่วนมากจะเป็นแผ่นดินนูนที่ต่ำ มีภูเขาทางตอนเหนือ และ ตะวันตกเป็นเส้นแนวแบ่งเขตแคว้น มีเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือเขตปริมณฑลลอนดอน ไม่มีภูเขาที่สูงกว่า 1000 เมตรในแคว้นอังกฤษ
ภูมิศาสตร์ของสกอตแลนด์นั้นหลากหลาย มีที่ต่ำทางตอนใต้ และที่สูงทางตอนเหนือ ตะวันออก และ ตะวันตก มีภูเขาเบนเนวิส สูง 1,344 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในหมู่เกาะอังกฤษ มีทะเลสาบ ช่องแคบที่ยาวและลึกเป็นจำนวนมาก และมีเกาะถึงกว่า 800 เกาะ เมืองหลวงคือเมืองเอดินบะระ ซึ่งเป็นเมืองที่มีศูนย์ใจกลางเมืองเป็นมรดกโลก แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดนั้นคือเมืองกลาสโกว์
ภูมิประเทศของเวลส์ส่วนมากจะเป็นภูเขา มีภูเขาสโนว์ดอน สูง 1,085 เมตร เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในแคว้น มีเมืองคาร์ดิฟฟ์เป็นเมืองหลวง
ส่วนแคว้นไอร์แลนด์เหนือนั้น ตั้งอยู่บนเกาะไอร์แลนด์ และส่วนมากจะเป็นเทือกเขา มีเมืองหลวงคือเมืองเบลฟัสต์
หมู่เกาะอังกฤษนั้นประกอบด้วย เกาะน้อยใหญ่ถึงประมาณ 1,098 เกาะ

สหราชอาณาจักร ตอน การปกครอง

การปกครอง
สหราชอาณาจักรใช้ระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรีซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล คณะรัฐมนตรีนั้นเลือกจากรัฐสภาและมีหน้าที่รับผิดชอบต่อรัฐสภาเช่นเดียวกัน รัฐสภาของสหราชอาณาจักรเป็นแบบสภาคู่ แบ่งเป็น 2 สภา คือ เฮาส์ออฟลอร์ดส เป็นสภาสูงที่มาจากการแต่งตั้ง และเฮาส์ออฟคอมมอนส์ เป็นสภาล่างที่มาจากการเลือกตั้ง โดยหลักการแล้วผู้นำของรัฐสภาคือพระมหากษัตริย์ สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ขนบธรรมเนียมประเพณี และกฎหมายรัฐธรรมนูญแยกกันไป
พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันคือ สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือ นายโทนี แบลร์ จากพรรคแรงงาน

สหราชอาณาจักร ตอน ประวัติศาสตร์

อังกฤษและสกอตแลนด์ต่างก่อตั้งประเทศขึ้นมาในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ส่วนเวลส์ได้อยู่ใต้การปกครองของอังกฤษจาก บทกฎหมายรุดดลัน (Statute of Rhuddlan) ในปี พ.ศ. 1827 (ค.ศ. 1284) และรวมเข้ากับราชอาณาจักรอังกฤษตาม พระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1536 (Act of Union 1536)
จากนั้น อังกฤษและสกอตแลนด์ได้รวมตัวกันเป็นราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ (Kingdom of Great Britain) ตามพระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1707 (Act of Union 1707) เนื่องจากสกอตแลนด์ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนัก
ด้วยพระราชบัญญัติสหภาพ ค.ศ. 1800 (Act of Union 1800) ราชอาณาจักรไอร์แลนด์ได้รวมเข้ากับราชอาณาจักรอังกฤษ และเปลี่ยนเป็นชื่อใหม่เป็น สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์' อันเนื่องมาจากไอร์แลนด์เคยเป็นประเทศราชของอังกฤษมาตั้งแต่ พ.ศ. 1712 (ค.ศ. 1169) ถึง พ.ศ. 2234 (ค.ศ. 1691) แล้ว
ในปี พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) 26 แคว้นจาก 32 แคว้นบนเกาะไอร์แลนด์ตัดสินใจที่จะเป็นอิสระ ไม่ขึ้นกับสหราชอาณาจักร และตั้งเป็นประเทศใหม่เป็นประเทศไอร์แลนด์ หลังจากนั้นอีก 7 ปี 6 แคว้นที่เหลือได้เข้ามารวมตัวกับสหราชอาณาจักรดังเดิม และตั้งชื่อแคว้นของตนเองเป็น ไอร์แลนด์เหนือ